กินยาคุมกำเนิดทำให้ผมร่วงจะทำอย่างไร
ยาคุมกำเนิด ยับยั้งการตกไข่ โดยออกฤทธิ์ร่วมกับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน (estrogen and progestin) หรือในบางชนิดออกฤทธิ์ร่วมกับฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว คนที่มีพันธุกรรมที่มีแนวโน้มที่จะเกิดผมร่วงจากฮอร์โมน หรือคนที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาจเกิดอาการผมร่วงโดยที่มีความรุนแรงแตกต่างกันได้หลังจากใช้ฮอร์โมนไปซักระยะ ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่เริ่มใช้ได้ 2 – 3 สัปดาห์จนถึงหลายเดือนหลังใช้ ดังนั้นหากจะบอกว่าใช้ยาคุมกำเนิดมาตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยทำให้เกิดปัญหาผมร่วง หรือผมร่วงเกิดหลังจากเริ่มใช้ยาคุมมานานหลายเดือนจึงไม่น่าเป็นสาเหตุ อย่างนี้คงไม่ได้ หากสงสัยควรเปลี่ยนชนิดของยาคุมที่ใช้ หรือวิธีคุมกำเนิดอื่น หลังจากหยุดยาคุมกำเนิดภาวะผมร่วงอาจยังไม่หยุดทันที อาจใช้เวลาหลายเดือนหลังหยุดยาก็ได้ การรักษาผมร่วงจากยาคุมกำเนิดนี้ ถ้าต้องการให้เห็นผลเร็วขึ้นอาจใช้ร่วมกับยาปลูกผมหรืออาหารเสริมที่ช่วยเสริมการรักษาด้วยก็ได้ เมื่อดีขึ้นมากแล้วจึงค่อย ๆ หยุดยาชนิดอื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกัน
อันที่จริงแล้วยาคุมกำเนิดเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย ได้ผลดีมากในการคุมกำเนิด และยังให้ผลดีต่อสุขภาพของผู้หญิงในด้านอื่น ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามการใช้ยาคุมกำเนิดในผู้หญิงที่มีประวัติผมร่วงมากในครอบครัวโดยเฉพาะจากญาติใกล้ชิดที่เป็นผู้หญิง ควรระมัดระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นนี้ด้วยเพราะยาคุม อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญปกติของเส้นผมได้ ดังนั้นจึงแนะนำว่าผู้หญิงที่ต้องการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดกิน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ควรใช้ชนิดที่มีดัชนีแอนโดรเจนต่ำ (low – androgen index birth control pills) และถ้าเกิดมีประวัติที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะ ผมร่วงจากกรรมพันธุ์โดยดูจากประวัติในครอบครัว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมกำเนิด แล้วเปลี่ยนไปใช้วิธีที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ฮอร์โมนแทน (non-hormonal form of birth control)
ชนิดของฮอร์โมนที่ใช้ในยาคุมกำเนิดเรียงตามลำดับที่ดัชนีแอนโดรเจนต่ำที่สุดจนถึงสูงที่สุดเป็นดังนี้
Desogen, Ortho – Cept, Ortho – Cyden, Ortho Tri-Cyclen, Micronor, Nor – QD, Ovcon – 35, Brevicon/Modicon, Ortho Norvum 7/7/7, Ortho Novum 10 – 11, Tri – Norinyl, Norinyl and Orhto 1/35, Demulen 1/35, Triphasil/ Trilerien, Nordette, Lo/Ovral, Ovrette, Ovral, Loestrin 1/20, Loestrin 1.5/30
นอกจากยาคุมกำเนิดชนิดกินแล้ว ยาคุมกำเนิดยังมีอยู่ในรูปอื่นๆ ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดผมร่วงได้เช่นกัน ยาคุมกำเนิดเหล่านั้นได้แก่
- ยาคุมกำเนิดชนิดฝัง (Progsetin Implants)
- ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด (Hormone Injections)
- ยาคุมกำเนิดชนิดแปะที่ผิวหนัง (skin patch)
- ยาคุมกำเนิดชนิดห่วงใส่ในช่องคลอด (Vaginal Ring)
- คนที่มีผมร่วงจากยาคุมกำเนิดมักจะเกิดจาก
- ชนิดของยาคุมที่มีฮอร์โมนเพศชายผสมอยู่มาก (high – androgen index birth control pills)
- มักเกิดกับคนที่มีประวัติในครอบครัวมีผมบางกรรมพันธุ์อยู่ - ถ้ากินยาคุมอยู่แล้วมีอาการผมร่วง ให้พึงระลึกว่ามีโอกาสเป็นจากยาคุมที่กินได้ โปรดจำชื่อยี่ห้อของยาคุมกำเนิดแล้วแจ้งกับแพทย์ที่รักษาท่าน เพื่อดูส่วนประกอบของฮอร์โมนว่าเป็นแบบใด
- คนที่กินยาคุมกำเนิดบางชนิดอยู่แล้วหยุดยาคุม อาจจะเป็นเหตุให้เกิดผมร่วงเพราะหยุดยาคุมได้ โปรดแจ้งแพทย์ที่รักษากรณีนี้ด้วย ถ้าเป็นไปได้ควรแจ้งยี่ห้อยาคุมกำเนิดที่หยุดไปด้วยจะดีมาก
- ยาคุมกำเนิดที่มักทำให้เกิดผมร่วงมักจะมีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสตินสูง เช่น ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน, ยาคุมกำเนิดแบบฉีด, ยาคุมกำเนิดที่มักโฆษณาว่ากินแล้วน้ำหนักขึ้นน้อยกว่าแบบอื่น